พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านปรัชญา
ปรัชญามีส่วนสำคัญต่อการสร้าง
หรือการพัฒนาหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรจะใช้ปรัชญาช่วยในการกำหนดจุดประสงค์
ในการจัดหลักสูตรและการจัดการสอน ทั้งนี้
ขึ้นอยู่กับว่ามีความเชื่อหรือยึดถือปรัชญาใด ดังจะยกตัวอย่างการจัดหลักสูตรตามแนวของปรัชญาการศึกษาต่างๆ
ที่สำคัญ ดังนี้
ปรัชญาสารนิยม (Essentialism)
มีความเชื่อว่าแต่ละวัฒนธรรมมีความรู้ ทักษะ ความเชื่อ อุดมการณ์ ฯลฯ
ที่เป็นแกนกลางหรือเป็นหลัก
ทุกคนในวัฒนธรรมนั้นควรรู้สิ่งเหล่านี้และระบบการศึกษามุ่งถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้แก่เยาวชน
ข้อสังเกตปรัชญาการศึกษาสารนิยม ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้ต้องผ่านจิต
โดยญาณและแรงบันดาลใจ
จิตของผู้เรียนพัฒนามากเท่าใดก็มีโอกาสที่จะเป็นจิตสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น
สาระสำคัญของความรู้ คือ วิชาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และความรู้ปัจจุบัน
ซึ่งเน้นปริมาณความรู้เป็นสำคัญ เน้นการสอนที่มุ่งจะฝึก (The three R’s)
ปรัชญาสัจจวิทยานิยม (Perenialism)
มีความเชื่อว่าสิ่งสำคัญที่สุกของธรรมชาติของมนุษย์คือความสามารถในการใช้ความคิด
ความสามารถในการใช้เหตุผล การตัดสินแยกแยะ จึงเน้นความสำคัญของวิชาพื้นฐานทั้งสามคือ
การอ่าน การเขียน และการคำนวณ (The three R’s) มุ่งที่จะเตรียมให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต
ปรัชญาพิพัฒนาการ (Progressivism)
มีความเชื่อว่านักเรียนจะเรียนรู้ได้โดยอาศัยประสบการณ์
ครูมีหน้าที่จัดประสบการณ์ให้แก่เด็กๆ เน้นประสบการณ์ของมนุษย์เป็นพื้นฐานของความรู้
ภายใต้สภาพการณ์ของทุกสิ่งในโลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลง
กระบวนการเรียนรู้แบบวิทยาศาสตร์จะทำให้เด็กรู้ว่า จะคิดอย่างไร
ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
ปรัชญาปฏิรูปนิยม (Reconstructionism)
เน้นในเรื่องชีวิตและสังคม ความมุ่งหมายของหลักสูตรจะเน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถ และทัศนคติที่จะออกไปปฏิรูปสังคมให้ดีขึ้น
การสอนจะไม่เน้นการถ่ายทอดความรู้โดยการบรรยายของครูมาก
แต่มุ่งให้ผู้เรียนสำรวจความสนใจ ความต้องการของตนเอง
เน้นการอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ปรัชญาอัตถิภาวนิยม (Existentialism)
มีความเชื่อว่าบุคคลย่อมเป็นตัวของตัวเอง
มีเสรีภาพและความรับผิดชอบของตัวเอง แต่ละคนสามารถกำหนดชีวิตของตนเองได้
เปิกโอกาสให้ผู้เรียนเลือกแนวทางที่ถนัด โดยเรียนจากประสบการณ์ในชีวิตจริง
เน้นวิชาที่เสริมสร้างประสบการณ์ทางสังคม มีความสำคัญในแง่ของการวิธีการที่นำมาใช้
คือ กระบวนการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาในบทเรียน
และนำเอากระบวนการแก้ปัญหาไปใช้ในชีวิตประจำวัน
พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านจิตวิทยา
ในการจัดทำหลักสูตร
ต้องคำนึงว่าต้องพยายามจัดหลักสูตรให้สนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง
ด้านการศึกษาข้อมูลพื้นฐานทางด้านจิตวิทยา รวมทั้งศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ทั้ง 4
กลุ่ม คือ กลุ่มพฤติกรรมนิยม กลุ่มปัญญานิยม กลุ่มมนุษยนิยม
และกลุ่มสรรค์สร้างนิยม
แนวคิดของนักจิตวิทยากลุ่มพฤติกรรมนิยม
(Behaviorism)
มีความเชื่อว่าการเรียนรู้และพฤติกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นและสามารถเปลี่ยนแปลงได้
ถ้าได้รับสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ลักษณะรูปแบบหลักสูตรตจะเน้นเนื้อหาวิชาเป็นหลัก
การจัดหลักสูตรและประสบการณ์การเรียนรู้เป็นหมวดหมู่มีลักษณะต่อเนื่อง
ผู้สอนเป็นศูนย์กลางจะควบคุมกิจกรรมการเรียนการสอน
โดยจะพัฒนาผู้เรียนไปตามที่กำหนด
แนวคิดของกลุ่มปัญญานิยม (Cognitivism)
จะมุ่งเน้นการอธิบายพัฒนาการของมนุษย์ที่เน้นความสามารถทางสติปัญญา
หรือสนองตามความเชื่อว่ามนุษย์เกิดการเรียนรู้ และแสดงพฤติกรรมได้โดยรับกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา
ลักษณะการจัดหลักสูตรจะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
การออกแบบหลักสูตรประสบการณ์การเรียนและการสอน
จะจัดตามลำดับขั้นของการพัฒนาของผู้เรียนแต่ละวัย
โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แบบค้นพบหรือการแก้ปัญหา เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์
แนวคิดของกลุ่มมนุษยนิยม (Humanism)
เชื่อว่ามนุษย์มีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนา
มีสิทธิที่จะเลือกและกระทำตามความมุ่งหวังของตนเอง
ลักษณะการจัดหลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม
โดยพัฒนาผู้เรียนให้เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ
บทบาทของผู้สอนจะเป็นผู้เอื้ออำนวยการเรียนรู้ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดแรงจูงใจ
เปิดโอกาสและกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักรับผิดชอบและเตรียมตัวสำหรับการดำเนินชีวิตในอนาคต
แนวคิดกลุ่มสรรค์สร้างนิยม
(Constructivism) เชื่อว่าโครงสร้างทางปัญญาของมนุษย์สร้างขึ้นจากประสบการณ์ในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็นปัญหาและสามารถนำไปใช้เป็นฐานในการแก้ปัญหาหรืออธิบายสถานการณ์อื่นๆ
ได้ ผู้เรียนจะเป็นผู้สร้างการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ
โดยอาศัยประสบการณ์และโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิม เน้นในการสร้างความรู้ (Constructing)
ผ่านกระบวนการภายในที่เกิดจากการป้อนจากภายนอก
พื้นฐานการพัฒนาหลักสูตรด้านสังคมและวัฒนธรรม
การศึกษาทำหน้าที่อนุรักษ์และถ่ายทอดวัฒนธรรมของสังคมไปสู่คนรุ่นหลังและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของสังคมให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์
เพราะฉะนั้นหลักสูตรจึงต้องมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคมอย่างแยกไม่ออก
และโดยธรรมชาติของสังคมและวัฒนธรรมมักมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้น
การพัฒนาหลักสูตรจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงข้อมูลทางสังคมและวัฒนธรรมที่เป็นปัจจุบันเสมอ
สามารถจำแนกข้อมูลให้เห็นชัดเจนได้ดังนี้
โครงสร้างของสังคม
มีการแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
ลักษณะสังคมชนบทหรือสังคมเกษตรกรรม และสังคมเมืองหรือสังคมอุตสาหกรรม
สังคมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
แต่สังคมโดยส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเกษตรกรรมอยู่ ดังนั้น
การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องทราบโครงสร้างสังคมในปัจจุบันเพื่อนำข้อมูลมาจัดหลักสูตรว่าจะจัดหลักสูตรอย่างไรเพื่อยกระดับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมและเตรียมพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมตามความจำเป็น
การชี้นำสังคมในอนาคต
การศึกษาควรมีบทบาทในการชี้นำสังคมในอนาคตด้วย เพราะในอดีตที่ผ่านมาระบบการศึกษา
และระบบพัฒนาหลักสูตรของไทยเป็นลักษณะของการตั้งรับมาโดยตลอด เช่น
การตั้งรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น กะแสความเจริญของประเทศทางตะวันตก
กระแสวิชาการตะวันตก ความต้องการและปัญหาสังคม จึงทำให้การศึกษาเป็นตัวตาม
ฉะนั้นการจัดการศึกษาที่ดีควรใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศในอนาคตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
จึงควรศึกษาข้อมูลชี้นำสังคมในอนาคต เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และแนวโน้มของสังคมโลกอนาคต
https://sites.google.com/site/supoldee/thvsdi-kar-srang-khwam-ru
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น