ความหมาย
ความสำคัญ องค์ประกอบหลักสูตร ประเภทของหลักสูตรและพัฒนาการของหลักสูตร
ความหมายของหลักสูตร
คำว่า
“หลักสูตร” มาจากคำในภาษาอังกฤษว่า curriculum ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “currere” หมายถึง “running
course” หรือเส้นทางที่ใช้วิ่งแข่ง
ต่อมาได้นำคำนี้มาใช้ในทางการศึกษาว่า “running sequence or learning
experience” (Armstrong. 1986:2) การที่เปรียบเทียบหลักสูตรกับสนาม
หรือเส้นทางที่ใช้วิ่งแข่งอาจเนื่องมาจากการที่ผู้เรียนจะสำเร็จการศึกษาในระดับใดหรือหลักสูตรใดก็ตาม
ผู้เรียนจะต้องฝ่าฟันความยากของวิชาหรือประสบการณ์การเรียนรู้ตามขั้นที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
เช่นเดียวกับนักวิ่งที่ต้องวิ่งแข่งและฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่ชัยชนะและความสำเร็จให้ได้
ในสมัยก่อนประเทศไทยใช้คำว่า
“หลักสูตร” กับคำภาษาอังกฤษว่า “syllabus”
แต่เนื่องจากทั้งสองคำมีความหมายที่แตกต่างกันชัดเจน ดังปรากฏใน English
Language Dictionary ว่า
“Curriculum”
หมายถึง (1) รายวิชาต่างๆ
ทั้งหมดที่จัดสอนในโรงเรียน วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (all the different
courses of study that are taught in a school, college, or university) และ (2) รายวิชาหนึ่งๆ ที่จัดสอนในโรงเรียน
วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย (one particular course of study is taught in a
school, college, or university)
“Syllabus”
หมายถึง หัวข้อเรื่องที่ศึกษาในรายวิชาหนึ่งๆ (the subjects
to be studied in a particular course)
จากข้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่า
คำว่า “Curriculum”
ซึ่งใช้ในปัจจุบันจะเหมาะกว่าคำว่า “Syllabus” ส่วนคำว่า “Syllabus” จะใช้เมื่อหมายถึงประมวลการสอนในแต่ละวิชา
ซึ่งประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย เนื้อหาสาระ กิจกรรม การเรียนการสอน
เนื้อหาสาระ การวัดและประเมินผล
“หลักสูตร”
เป็นคำศัพท์ทางการศึกษาคำหนึ่งที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย
และมีผู้ให้ความหมายไว้มากมายและแตกต่างกันไป บางความหมายมีขอบเขตกว้าง
บางความหมายมีขอบเขตแคบ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและประสบการณ์ที่แตกต่างกันของบุคคลนั้นๆ
ที่มีต่อหลักสูตร เช่น
กู๊ด
(Good,
1973: 157) ได้ให้ความหมายของ หลักสูตร ว่าคือ
กลุ่มรายวิชาที่จัดไว้อย่างมีระบบหรือลำดับวิชาที่บังคับสำหรับจบการศึกษาหรือเพื่อรับประกาศนียบัตรในสาขาวิชาหลักต่างๆ
เช่น หลักสูตรสังคมศึกษา หลักสูตรพลศึกษา
บ๊อบบิท
(Bobbitt,
1918:42) ได้ให้ความหมายหลักสูตร คือ รายการของสิ่งต่างๆ
ที่เด็กและเยาวชนต้องทำและมีประสบการณ์
ด้วยวิธีการพัฒนาความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ ดังกล่าวให้ดี
เพื่อให้ดำรงชีวิตในวัยผู้ใหญ่ได้
โอลิวา
(Oliva,
1982: 10) กล่าวว่า หลักสูตร คือ
แผนหรือโปรแกรมสำหรับประสบการณ์ทั้งหลายที่ผู้เรียนจะต้องประสบภายใต้การอำนวยการของโรงเรียน
เซเลอร์และอเล็กซานเดอร์
(Saylor
& Alexander, 1974: 6) ได้กล่าวถึงความหมายของหลักสูตรว่า
“เป็นแผนสำหรับจัดโอกาสทางการเรียนรู้ให้แก่บุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
เพื่อบรรลุเป้าหมายหรือจุดหมายที่วางไว้โดยมีโรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบ”
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของทาบา (Taba, 1962: 10) ที่กล่าวไว้ว่า
“หลักสูตร คือ
แผนการเรียนรู้ที่ประกอบด้วยจุดประสงค์และจุดหมายเฉพาะการเลือกและการจัดเนื้อหา
วิธีการจัดการเรียนการสอน และการประเมินผล”
ทรัมพ์และมิลเลอร์
(Trump
and Miller, 1973: 11 – 12) กล่าวว่า หลักสูตร คือ
กิจกรรมการเรียนการสอนชนิดต่างๆ
ที่เตรียมการไว้และจัดให้แก่เด็กนักเรียนหรือระบบโรงเรียน
คูแบน (Cuban, 1992) ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับความหมายของหลักสูตรว่า
ขึ้นอยู่กับมุมมองของชนิดหลักสูตรที่อ้างถึงซึ่งมี 3 ชนิด
คือ หลักสูตรที่พึงปรารถนา หลักสูตรที่ได้สอน และหลักสูตรที่ได้เรียน
โดยมีรายละเอียดพอสังเขป ดังนี้
หลักสูตรที่พึงปรารถนา
(intend
curriculum) คือ หลักสูตรที่เขียนขึ้นอย่างเป็นทางการ
ตามนโยบายของสถานศึกษาต่างๆ ที่คาดหวังให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน ซึ่งอยู่ในรูปของเอกสารที่สะท้อนถึงทฤษฎีทางด้านการศึกษา
หรือคุณค่าของสังคมในขณะนั้น อย่างไรก็ตามหลักสูตรดังกล่าวอาจไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามนโยบายจากส่วนกลางเสมอไป
มาตรฐานของหลักสูตรอาจจะกำหนดขึ้น
โดยใช้เกณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญหรือครูผู้สอนในโรงเรียน เช่น ครูในโรงเรียนสามารถตัดสินใจที่จะกำหนดหลักสูตรเกี่ยวกับการสอนทักษะทางด้านภาษาที่จะสอนในแต่ละระดับชั้น
หรือกลุ่มโรงเรียนอาจจะกำหนดหลักสูตรตามที่กลุ่มของคาดหวัง
หลักสูตรที่ได้สอน
(taught
curriculum) คือ
หลักสูตรที่นำเอาแนวคิดของหลักสูตรที่พึงปรารถนามาปรับขยาย จากทฤษฎีสู่แนวทางการปฏิบัติ
ซึ่งค่อนข้างมีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน หรือกิจกรรมการเรียนการสอน
หลักสูตรดังกล่าวยังมีความหมายมากกว่าบทเรียน หรือกิจกรรมในชั้นเรียน เช่น การถาม
การอภิปราย การจัดเวลาในการสอน การจัดกลุ่ม ระเบียบในชั้นเรียน อุปกรณ์การเรียน
ตำราเรียน สมุดงาน หรือเครื่องมือต่างๆ ที่นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าตำราเรียนเปรียบเสมือนหลักสูตรที่ได้สอน
แต่ตำราเรียนยังไม่ใช่ตัวแทนของหลักสูตรดังกล่าวทั้งหมด กิจกรรมต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจากการจัดสรรตามหัวข้อเนื้อหาต่างๆ คือหลักสูตรที่ได้สอน หลักสูตรที่ได้เรียน (learned curriculum) คือ หลักสูตรที่นักเรียนได้เรียนตามความเป็นจริงในชั้นเรียน
เป็นปฏิกิริยาจากหลักสูตรที่พึงปรารถนาและหลักสูตรที่ได้สอน หลักสูตรดังกล่าว
หมายถึงทักษะหรือความรู้ที่เด็กได้รับจากการเรียน
ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรที่ปรารถนา และหลักสูตรที่ได้สอนหรือไม่ก็ได้
นักการศึกษาของไทยหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นและความหมายของคำว่าหลักสูตรไว้หลายประการ
เช่น
สุมิตร
คุณานุกร (2520: 2-3)
ได้ให้ความหมายของหลักสูตรไว้ในสองระดับ คือ หลักสูตรในระดับชาติกับหลักสูตรในระดับโรงเรียน
หลักสูตรในระดับชาติ หมายถึง “โครงการให้การศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถ และคุณลักษณะ สอดคล้องกับความมุ่งหมายทางการศึกษาที่กำหนดไว้”
ส่วนหลักสูตรในระดับโรงเรียน หมายถึง “โครงการที่ประมวลความรู้และประสบการณ์ทั้งหลายที่โรงเรียนจัดให้กับนักเรียน
ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกโรงเรียนก็ตาม
เพื่อให้ผู้เรียนพัฒนาไปตามความมุ่งหมายที่กำหนดไว้”
สงัด
อุทรานันท์ (2532, น.16)
ให้ความหมายของหลักสูตรว่า มีลักษณะดังต่อไปนี้
หลักสูตร
คือ สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ในลักษณะรายวิชา ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาสาระที่จัดลำดับความยากง่าย
หรือมีขั้นตอนอย่างดีแล้ว
หลักสูตรประกอบขึ้นด้วยประสบการณ์ในการเรียนที่วางแผนไว้ล่างหน้า
โดยมีเป้าหมายให้เด็กเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ต้องการ
หลักสูตรเป็นสิ่งที่สังคมสร้างขึ้นสำหรับให้ประสบการณ์การศึกษาแก่เด็กในโรงเรียน
หลักสูตรประกอบด้วยมวลประสบการณ์ทั้งหมดของผู้เรียน ซึ่งทำให้ผู้เรียนได้รับรู้
และตอบสนองต่อการแนะแนวของโรงเรียน
ธำรง
บัวศรี (2532:
6) ให้ความหมายว่า หลักสูตร คือ แผนซึ่งได้ออกแบบจัดทำขึ้นเพื่อแสดงจุดหมาย
การจัดเนื้อหาสาระ กิจกรรม และมวลประสบการณ์ในแต่ละโปรแกรมการศึกษา
เพื่อให้ผู้เรียนมีพัฒนาการในด้านต่างๆ ตามจุดหมายที่ได้กำหนดไว้
กมล สุดประเสริฐ (2516: 10) ได้ให้ความหมายหลักสูตรว่า
หลักสูตรมิได้หมายถึงเพียงแต่หนังสือหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเท่านั้น
แต่ยังมีความหมายถึงกิจกรรมและประสบการณ์ทั้งหลายที่จัดให้กับเด็ก
ซึ่งรวมถึงการสอนของครูต่อนักเรียนด้วย
ความสำคัญของหลักสูตร
หลักสูตรเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของการจัดการศึกษา
การจัดการศึกษาระดับใดหรือประเภทใดจะขาดหลักสูตรไม่ได้ เพราะหลักสูตรจะเป็นตัวกำหนดแนวทางทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผู้เรียน
ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดอนาคตทางการศึกษาของสังคมนั้นๆ
หรืออาจกล่าวอีกนัยว่า
หลักสูตรเป็นเครื่องชี้นำทางในการจัดความรู้และประสบการณ์ให้กับผู้เรียน
ซึ่งครูจะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้ผู้เรียนได้รับการจัดการศึกษาที่มีจุดมุ่งหมาย
หรือมีมาตรฐานเดียวกัน หลักสูตรจึงเป็นเครื่องชี้นำทางถึงความเจริญของประเทศ
ประเทศใดที่มีหลักสูตรที่เหมาะสม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ
ย่อมนำไปสู่คุณภาพของคนในประเทศนั้น จากความสำคัญดังข้างต้น สามารถสรุปความสำคัญของหลักสูตรเป็นข้อๆ
ดังนี้
- หลักสูตรเปรียบเสมือนแม่พิมพ์ของประชาชนในประเทศ ซึ่งคนที่จบการศึกษาในแต่ละระดับในประเทศ หลักสูตรจะเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของคนที่จบการศึกษาในระดับนั้นๆ
- หลักสูตรเป็นมาตรฐานของการศึกษา ถ้าประเทศหรือการศึกษาระดับใดมีหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพ จะสะท้อนถึงการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพตามมา
- หลักสูตรเป็นแนวทางในการให้การศึกษา ซึ่งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกำกับดูแลติดตามผลของการศึกษาได้ทั้งผู้บริการ ครู ผู้ปกครอง ตลอดทั้งผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทุกคน
- หลักสูตรเป็นแนวปฏิบัติในการจัดการเรียนการสอนของครู เนื่องจากตัวหลักสูตรจะเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะของผู้เรียนในระดับมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งครูสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้อย่างหลากหลาย ให้สะท้อนและบรรลุเป้าหมายของหลักสูตรที่ตั้งไว้
- หลักสูตรเป็นเครื่องกำหนดแนวทางความรู้ ตลอดทั้งการจัดประสบการณ์ของครูผู้สอน ซึ่งการศึกษาในแต่ละระดับจะมีองค์ความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป
- หลักสูตรเป็นเครื่องทำนายอนาคตของการศึกษาของชาติ อนาคตของการศึกษาของชาติย่อมมาจากหลักสูตรที่มีวิสัยทัศน์ ที่มีการวางกรอบเนื้อหาที่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม
องค์ประกอบของหลักสูตร (Curriculum
Component)
จากคำนิยามหรือคำจำกัดความของหลักสูตร
นอกจากชี้ให้เห็นว่าหลักสูตรมีสาระสำคัญและมีความหมายอย่างไรแล้ว
ยังชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบสำคัญที่มีอยู่ในตัวหลักสูตรด้วย นักการศึกษาหลายท่าน
ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของหลักสูตรไว้ดังนี้
สุมิตร
คุณานุกร (2520: 9) กล่าวว่า
เมื่อพิจารณาหลักสูตรในแง่ขององค์ประกอบแล้วจะมี 4 องค์ประกอบ
คือ
- ความมุ่งหมาย (Objective)
- เนื้อหา (Content)
- การนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum Implementation)
- การประเมินผล (Evaluation)
ธำรง บัวศรี (2532:
8) กล่าวว่า
สำหรับหลักสูตรนั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญและขาดไม่ได้อย่างน้อย 6 อย่าง คือ
- จุดมุ่งหมายของหลักสูตร (Curriculum Aims)
- จุดประสงค์ของการเรียนการสอน (Instructional Objectives)
- เนื้อหาสาระและประสบการณ์ (Content and Experiences)
- ยุทธศาสตร์การเรียนการสอน (Instructional Strategies)
- วัสดุอุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน (Instructional Media and Materials)
- การประเมิลผล (Evaluation)
ทาบา (Taba,
1962: 10) กล่าวว่า หลักสูตรควรมีองค์ประกอบอยู่ 4 อย่าง คือ
- วัตถุประสงค์ทั่วไปและวัตถุประสงค์เฉพาะวิชา
- เนื้อหาวิชาและจำนวนชั่วโมงสอนแต่ละวิชา
- กระบวนการสอนและการเรียนหรือการนำหลักสูตรไปใช้
- โครงการประเมินผลการสอนตามหลักสูตร
การจำแนกองค์ประกอบของหลักสูตรดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
อาจจะแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด
แต่ในหลักใหญ่มีประเด็นหรือองค์ประกอบที่สำคัญเหมือนกันอย่างครบถ้วน
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้หลักสูตรสามารถนำหลักสูตรไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบที่สำคัญ คือ
- จุดมุ่งหมายของหลักสูตร (Curriculum) หมายถึง ความตั้งใจหรือความคาดหวังที่ต้องการให้เกิดขึ้นในตัวผู้ที่จะผ่านหลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตรมีความสำคัญเพราะเป็นตัวกำหนดทิศทางและขอบเขตในการให้การศึกษาแก่เด็ก ช่วยในการเลือกเนื้อหาและกิจกรรม ตลอดจนใช้เป็นมาตรการอย่างหนึ่งในการประเมิน
- เนื้อหา (Content) เมื่อกำหนดจุดมุ่งหมายแล้ว กิจกรรมขั้นต่อคือ การเลือกเนื้อหา ประสบการณ์การเรียนรู้ต่างๆ ที่คาดว่าจะช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาไปสู่จุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยดำเนินการตั้งแต่การเลือกเนื้อหาสาระและประสบการณ์ การเรียงลำดับเนื้อหาสาระ พร้อมทั้งการกำหนดเวลาเรียนที่เหมาะสม
- การนำหลักสูตรไปใช้ (Curriculum Implementation) เป็นการนำหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่นการจัดทำวัสดุหลักสูตร ได้แก่ คู่มือครู เอกสารหลักสูตร แผนการสอน แนวการสอน และแบบเรียน เป็นต้น
- การประเมินผลหลักสูตร (Evaluation) คือ การหาคำตอบว่าหลักสูตรสัมฤทธิผลตามที่คาดไว้ในจุดมุ่งหมายหรือไม่ มากน้อยเพียงใด และอะไรเป็นสาเหตุ การประเมินผลหลักสูตรเป็นงานใหญ่และมีขอบเขตกว้าง ผู้ประเมินจำเป็นต้องวางโครงการประเมินไว้ล่วงหน้า
ประเภทของหลักสูตร
รูปแบบของหลักสูตรแต่ละรูปแบบได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดด้านปรัชญาการศึกษา
จิตวิทยาการศึกษา หรือความต้องการของสังคม ทำให้มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
โดยนักการศึกษาได้พยายามจำแนกประเภท รูปแบบตามแนวคิดของแต่ละคน
สรุปรูปแบบหลักสูตรที่สำคัญ ดังนี้
- หลักสูตรรายวิชา (Subject curriculum)
- หลักสูตรสหสัมพันธ์ (Correlated curriculum)
- หลักสูตรผสมผสาน (Fused curriculum)
- หลักสูตรหมวดวิชาแบบกว้าง (Broad fields curriculum)
- หลักสูตรวิชาแกน (Core curriculum)
- หลักสูตรที่เน้นกิจกรรมและปัญหาทางสังคม (Social activities and problem curriculum)
- หลักสูตรที่เน้นความต้องการและความสนใจของแต่ละบุคคล (Individual and interest curriculum)
- หลักสูตรเพื่อชีวิตและสังคม (Social process and life function curriculum)
- หลักสูตรบูรณาการ (Integrated curriculum)
- หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-based curriculum)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น